1.คิดว่าการวิจัยเป็นเรื่องยุ่งยาก ซับซ้อน และเข้าใจว่าคนที่จะทำวิจัยได้ต้องมีความรู้ด้านการวิจัยและสถิติในระดับสูง ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจผิด ที่จริงแล้วทุกคนสามารถทำวิจัยได้ถ้ามีความตั้งใจจริงที่จะศึกษาค้นคว้าและพร้อมที่จะลงมือทำ สำหรับความความรู้เกี่ยวกับการวิจัยในปัจจุบันสามารถหาเอกสารตำรามาอ่านซึ่งมีอยู่มากมายตามห้องสมุด หรือหาอ่านได้ในอินเตอร์เน็ต โดยไม่ต้องไปเรียนในมหาวิทยาลัย ส่วนความสามารถด้านสถิติยิ่งไม่ใช่เรื่องยาก เพราะในปัจจุบันมีผู้เขียนโปรแกรมสำเร็จรูปที่ช่วยให้วิเคราะห์ข้อมูลสะดวก ง่าย รวดเร็ว และถูกต้องแม่นยำ เพียงแค่รู้หลักการใช้สถิติและมีความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์เบื้องต้นและศึกษาวิธีการใช้โปรแกรมสำเร็จรูปให้เข้าใจอีกเล็กน้อยก็สามารถทำวิจัยได้แล้ว
2. ไม่รู้ว่าจะทำวิจัยเรื่องอะไร การวิจัยเริ่มต้นที่ปัญหา ถ้าไม่มีปัญหาก็ทำวิจัยไม่ได้ แหล่งปัญหาวิจัยมีมากมายแต่ครูควรหาจากแหล่งใกล้ตัวก่อนหาจากแหล่งอื่น เช่น สอนคณิตศาสตร์แล้วพบปัญหา นักเรียนคิดเลขช้ามาก ก็อาจทำวิจัยทดลองฝึกทักษะการบวกเลขในใจ โดยวิธีใดวิธีหนึ่ง นักเรียนไม่สนใจเรียน ก็อาจทำวิจัยพัฒนาสื่อการเรียนใหม่ขึ้นมา
3.ไม่มีเวลาทำ เพราะมีภาระงานในหน้าที่มาก งานวิจัยต้องใช้เวลามากทำให้เป็นปัญหาสำหรับครูที่มีภาระงานมากอยู่แล้ว ครูที่จะทำวิจัยจึงต้องวางแผนจัดเวลาให้กับงานวิจัยโดยเฉพาะ เช่น ทำในวันหยุด หรือ ไปทำงานให้เร็วขึ้น กลับช้าลง ตื่นเช้าขึ้น นอนดึกมากขึ้น
4. ขาดความวิริยะ งานวิจัยต้องใช้ความวิริยะอุตสาหะสูง ถ้าผู้วิจัยเฉื่อยชา ผัดวันประกันพรุ่ง ไม่มุมานะทำจริง ถึงแม้จะมีปัญหาวิจัยและเวลาที่จะทำ ก็อาจไม่สำเร็จได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น